จรรยาบรรณธุรกิจ

          คณะกรรมการบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (กลุ่มบริษัท) ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรมตามหลักการของการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ได้แนะนำมา โดยคณะกรรมการบริษัทได้ตระหนักถึงประโยชน์และความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งมีส่วนช่วยในการบริหารงานและการดำเนินกิจการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วยความโปร่งใส และคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียในทุกด้าน รวมทั้งสามารถตรวจสอบได้ และส่งผลให้บริษัทสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่อง  และเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว คณะกรรมการบริษัทและฝ่ายจัดการจึงได้กำหนดนโยบายหลักการการกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นลายลักษณ์อักษรขึ้น และคณะกรรมการบริษัทได้ให้ความเห็นชอบนโยบายดังกล่าว ซึ่งได้มีการเผยแพร่นโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีและหลักจรรยาบรรณทางธุรกิจให้กับพนักงานของบริษัทและกลุ่มบริษัท  เพื่อให้พนักงาน นำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน  โดยเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของ บริษัทฯ ที่ www.millconsteel.com

จรรยาบรรณและข้อพึงปฏิบัติ
  1. การกำกับดูแลองค์กร

               บริษัทมุ่งที่จะประกอบธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติ รวมทั้งอยู่ภายใต้ข้อกำหนด กฎระเบียบ และกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ตลอดจนให้ความเคารพต่อผลประโยชน์ของบุคคลอื่นที่บริษัทมีความสัมพันธ์ด้วย ผู้บริหารและพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือระเบียบข้อบังคับของบริษัท และข้อกำหนดของกฎหมายเป็นสำคัญ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน และการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาคเอกชนอื่นๆ และหน่วยงานภาครัฐ หรือองค์กรที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลและตรวจสอบกิจการของบริษัท นอกจากนั้น ผู้บริหารและพนักงานจะต้องปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง และป้องกันมิให้เข้าไปมีส่วนร่วม หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมใดๆ ในทางที่มิชอบ อันอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท

 

  1. การแข่งขันที่เป็นธรรม

               บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าการแข่งขันที่ยุติธรรมจะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทมีความเข้มแข็งและต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา บริษัทกำหนดนโยบายให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนจะต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และไม่ใช้วิธีการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม หรือขัดต่อหลักจริยธรรมทางธุรกิจ เพื่อเอาเปรียบคู่แข่งขันด้วยวิธีการใดๆ

 

  1. การถือปฏิบัติโดยเท่าเทียม

               บริษัทมีนโยบายให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนถือหลักปฏิบัติด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกันในแต่ละกลุ่มบุคคลที่บริษัทมีความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานภายในองค์กร ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น นักลงทุน หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานเอกชนอื่นๆ ตลอดจนชุมชนและสังคมแวดล้อมบริษัท โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลเหล่านั้นเป็นสำคัญ และจะต้องไม่เลือกปฏิบัติเป็นกรณีเฉพาะบุคคลหรือเฉพาะกลุ่มเพียงเพราะความสัมพันธ์หรือผลประโยชน์ส่วนตัว

 

  1. สัมพันธภาพกับพนักงาน

               บริษัทกำหนดนโยบายที่จะปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนด้วยความเท่าเทียมกันตามหลักการเคารพต่อสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล และให้พนักงานถือปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานทุกคนด้วยความเคารพในเกียรติ ศักดิ์ศรี และสิทธิส่วนบุคคล โดยบริษัทจะรวบรวมและเก็บรักษาประวัติข้อมูลส่วนตัวของพนักงานเฉพาะในส่วนที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน และตามที่กฎหมายกำหนด โดยให้ถือเป็นความลับ การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะกระทำได้เฉพาะในกรณีที่ผู้มีสิทธิตามกฎหมายจำเป็นต้องรับทราบเท่านั้น

               บริษัทมีนโยบายในการส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของพนักงานทุกระดับ เพื่อให้พนักงานมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพบนพื้นฐานความเท่าเทียมกันและไม่เลือกปฏิบัติตามความเหมาะสม

               นอกจากนี้ บริษัทกำหนดแนวทางในการจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และเอื้อต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ พนักงานแต่ละคนจะต้องมีความรับผิดชอบและช่วยเหลือเกื้อกูลในการทำงานต่อเพื่อนพนักงานและองค์กร โดยจะไม่ประพฤติปฏิบัติตนที่จะทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานเสื่อมถอยลง

 

  1. สัมพันธภาพกับลูกค้า

บริษัทกำหนดนโยบายที่จะมุ่งสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือในระยะยาวกับลูกค้า โดยยึดหลักความซื่อสัตย์สุจริต ความเชื่อถือและไว้วางใจซึ่งกันและกัน และประการสำคัญ คือ การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ในการใช้สินค้า และ/หรือ บริการของบริษัท ด้วยความรับผิดชอบ เอาใจใส่ และให้ความสำคัญต่อปัญหาและความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับแรก โดยให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนถือปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้

  • ยึดมั่นในการนำเสนอและส่งมอบสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐาน และตรงตามความต้องการของลูกค้า
  • ยึดถือปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ได้ทำข้อตกลงไว้กับลูกค้าอย่างดีที่สุด
  • การเสนอราคาและเงื่อนไขทางการค้าให้แก่ลูกค้าที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ต้องมีความเท่าเทียมกัน
  • ให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงแก่ลูกค้า ที่เกี่ยวกับคุณสมบัติและคุณภาพของสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเป็นธรรมให้แก่ลูกค้า
  • พร้อมที่จะตอบคำถามของลูกค้า รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับข้อร้องเรียน การให้คำแนะนำ และการติดตามผลความคืบหน้าในประเด็นต่างๆ ที่ได้รับแจ้งจากลูกค้า

 

  1. สัมพันธภาพกับคู่ค้า

               บริษัทกำหนดนโยบายให้มีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าของบริษัท โดยเปิดโอกาสให้นำเสนอสินค้าและ/หรือบริการ ได้โดยเท่าเทียมกัน ผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การพิจารณาและตัดสินใจจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานการเปรียบเทียบในด้านคุณภาพของสินค้าและหรือบริการ ราคา เงื่อนไขทางการค้า และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัททั้งในระยะสั้นและระยะยาว และห้ามมิให้มีการรับสินบนหรือค่านายหน้าใดๆ จากคู่ค้า รวมถึงการห้ามเปิดเผยข้อมูลหรือข้อเสนอของคู่ค้ารายหนึ่งรายใดหรือหลายรายให้แก่คู่ค้ารายอื่นๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

 

  1. ความขัดแย้งทางผลประโยชน์

               บริษัทคาดหวังให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนตัดสินใจดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัท และลูกค้าของบริษัท โดยต้องไม่ยอมให้เหตุผลในส่วนของตนเองหรือบุคคลในครอบครัวของตนมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจที่ทำให้เบี่ยงเบนไปจากหลักการข้างต้น และเข้าลักษณะของการแสวงหาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวที่ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของบริษัทและลูกค้าของบริษัท โดย

  • ผู้บริหารและพนักงานจะต้องไม่กระทำการใดๆ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรือเบียดบังทรัพย์สิน ซึ่งเป็นหรือควรเป็นของบริษัท หรือลูกค้าของบริษัท
  • ผู้บริหารและพนักงานควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ หรือการมีกิจกรรมส่วนตัว และการมีผลประโยชน์ทางการเงิน ซึ่งอาจขัดแย้งกับหน้าที่การงานที่ผู้บริหารและพนักงานผูกพันอยู่
  • หากตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้บริหารและพนักงานมีผลในอันที่จะเอื้อประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่ตนเอง หรือสมาชิกในครอบครัวและญาติพี่น้อง หรือบุคคลภายนอก ผู้บริหารและพนักงานดังกล่าวไม่ควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจดำเนินการใดๆ และจะต้องแจ้งผู้บังคับบัญชาตามสายงานให้ทราบในทันที
  • บริษัทจะหลีกเลี่ยงที่จะมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้แก่ผู้บริหารและพนักงาน ในกรณีที่อาจจะนำไปสู่สถานการณ์ที่อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของบริษัท หรือขัดต่อผลประโยชน์ของลูกค้าของบริษัท
  • การที่ผู้บริหารและพนักงานเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมภายนอกองค์กร หรือดำรงตำแหน่งภายนอกองค์กร อาทิ การเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน หรือเป็นพนักงานในองค์กรอื่น กิจกรรมนั้นๆ จะต้องไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัทและลูกค้าของบริษัท ไม่ว่าทั้งทางตรงและทางอ้อม และจะต้องไม่ทำให้เกิดผลเสียหายต่อบริษัท รวมทั้งจะต้องไม่กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลนั้นๆ
  • ห้ามมิให้ผู้บริหารและพนักงานเข้าร่วมหรือรับตำแหน่งใดๆ ในองค์กรที่ประกอบธุรกิจในลักษณะเดียวกันกับบริษัท และเป็นการแข่งขันกับธุรกิจของบริษัทและบริษัทในกลุ่ม หรือกิจการที่อาจจะมีผลประโยชน์ขัดแย้งกับบริษัท

 

  1. การรักษาความลับ

               บริษัทมีพันธะผูกพันและความรับผิดชอบในการรักษาความลับของลูกค้าและคู่ค้าเกี่ยวกับข้อมูลการทำรายการต่างๆ ระหว่างลูกค้าหรือคู่ค้ากับบริษัท และรวมถึงข้อมูลเฉพาะตัวที่ได้รับจากลูกค้า และ/หรือ คู่ค้า การนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้งานต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์เพื่อการประกอบธุรกิจตามปกติของบริษัท และจะต้องไม่นำข้อมูลความลับไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผู้บริหารและพนักงานจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องรักษาข้อมูลของลูกค้า และ/หรือ คู่ค้าให้เป็นความลับ และพึงระมัดระวังเสมอเมื่อจำเป็นที่จะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้งาน ภาระหน้าที่ของผู้บริหารและพนักงานในการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับของลูกค้าและหรือคู่ค้าจะยังคงอยู่ต่อไป แม้ว่าบุคคลนั้นจะพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัทไปแล้วก็ตาม

 

  1. การใช้ข้อมูลในทางที่ผิด

               บริษัทกำหนดนโยบายให้ผู้บริหารและพนักงานมีหน้าที่ในการควบคุม ดูแล และรักษาข้อมูลต่างๆ ภายในกิจการ ที่เกี่ยวกับบริษัทและการประกอบธุรกิจของบริษัทไว้เป็นความลับ ซึ่งผู้บริหารและพนักงานจะต้องไม่นำข้อมูลภายในกิจการดังกล่าวที่อาจได้รับในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ไปใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยตรงหรือโดยอ้อม ทั้งเพื่อประโยชน์แก่ตนเอง สมาชิกในครอบครัว ญาติพี่น้อง หรือบุคคลอื่นใด โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท ความรับผิดชอบที่จะไม่นำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิดดังกล่าว ให้ผูกพันทั้งในขณะที่เป็นพนักงาน และเมื่อพ้นจากการเป็นพนักงานตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ การเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลภายนอกจะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาและผู้บริหารระดับสูง

 

  1. การใช้ข้อมูลภายในเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์

               บริษัทมีความตระหนักดีถึงความสำคัญของข้อมูลภายใน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนใช้ในการตัดสินใจลงทุน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน แผนการขยายกิจการ หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งหากมีบุคคลที่ล่วงรู้ข้อมูลภายในแล้วนำไปใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท โดยข้อมูลนั้นยังมิได้เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและต่อสาธารณชนตามที่กำหนดโดยกฎข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ย่อมก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อนักลงทุนรายอื่นที่ยังไม่มีโอกาสรับทราบข้อมูลดังกล่าว บริษัทจึงกำหนดนโยบายห้ามมิให้มีการใช้ข้อมูลภายในที่ยังมิได้เผยแพร่ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและต่อสาธารณชนเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท รวมทั้ง

  • ผู้บริหารและพนักงานทุกคนจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ.2535 กฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งกฎระเบียบและข้อบังคับของหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
  • การนำข้อมูลภายในอันมีสาระสำคัญและอาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัท และยังมิได้เปิดเผยต่อสาธารณชนไปหาผลประโยชน์ ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น ถือว่าเป็นการกระทำความผิดทางกฎหมายและข้อบังคับการทำงานของบริษัท
  • ผู้บริหารและพนักงาน รวมถึงสมาชิกในครอบครัว จะต้องไม่ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท ในขณะที่ครอบครองข้อมูลภายในที่ยังมิได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นการทั่วไป
  • ผู้บริหารและพนักงานจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลภายในอันมีสาระสำคัญ และอาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทให้แก่บุคคลอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
  1. สินบนและแรงจูงใจ

               บริษัทกำหนดนโยบายห้ามผู้บริหารและพนักงานให้ รับ เรียกรับ สินบนหรือสิ่งจูงใจต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม และห้ามมอบหมายให้ผู้ใดกระทำการเช่นเดียวกันแทนตนเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบทางธุรกิจ สิทธิพิเศษ หรือผลประโยชน์ด้านการเงินต่างๆ และห้ามมิให้ให้สินบนทั้งโดยทางตรงหรือทางอ้อมแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือนักการเมือง หรือบุคคลอื่นใด เพื่อโน้มน้าวให้บุคคลเหล่านั้นใช้ดุลยพินิจในทางเอื้อประโยชน์แก่บริษัท ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อหลักจริยธรรมและขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

 

  1. ของขวัญ ของรางวัล และการรับรอง

               บริษัทไม่มีนโยบายให้ผู้บริหารและพนักงานยอมรับของขวัญ ของรางวัล หรือการรับรองอย่างใดๆ ที่ให้โดยคู่ค้าหรือบุคคลที่มีแนวโน้มจะเป็นคู่ค้าของบริษัท ที่เกินกว่าการเอื้อเฟื้อตามปกติที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโดยทั่วไป ผู้บริหารและพนักงานที่ได้รับของขวัญ ของรางวัล หรือการรับรอง จะต้องสามารถแสดงเหตุผลอันสมควร และสามารถเปิดเผยรายละเอียดแก่บริษัทได้ และให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบ และในกรณีที่ได้รับเป็นของขวัญ หรือของรางวัลใดๆ ให้นำส่งต่อส่วนกลางเพื่อบริหารจัดการต่อไป

 

  1. การติดตามและสอบทานการปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณ

               ฝ่ายตรวจสอบภายในของบริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบในการติดตามดูแลการปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณ และรายงานผลการติดตามดูแลต่อคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งจัดเก็บบันทึกข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการกระทำที่ละเมิดหรืออาจจะละเมิดต่อหลักจรรยาบรรณนี้ ผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีหน้าที่ต้องให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนแก่ฝ่ายตรวจสอบภายใน

บริษัทมีความคาดหวังให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการสอดส่องติดตามดูแลการปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณนี้ เพราะการกระทำต่างๆ ที่ขัดต่อหลักจรรยาบรรณถือเป็นความผิดทางวินัยการทำงานตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการทำงาน และอาจจะถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย และเป็นการทำลายและทำให้เสื่อมเสียต่อคุณค่าที่ดีขององค์กร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อองค์กรในทุกๆ ด้านทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ผู้บริหารและพนักงานจึงมีหน้าที่รับผิดชอบในการรายงานต่อฝ่ายตรวจสอบภายใน หรือผู้บังคับบัญชา หรือผู้บริหารระดับสูงรับทราบทันที เมื่อพบเห็นการปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการละเมิด หรือสงสัยว่าอาจจะเกิดการละเมิดต่อหลักจรรยาบรรณนี้

 

  1. บทลงโทษ

               บริษัทจะพิจารณาโทษต่อพนักงานที่ละเมิดหลักจรรณยาบรรณฉบับนี้อย่างจริงจัง โดยให้อำนาจแก่ผู้บังคับบัญชาตามสายงานเป็นผู้พิจารณาความผิดและลงโทษพนักงานของบริษัทที่กระทำผิดหรือขัดต่อหลักจรรยาบรรณ โดยพนักงานที่กระทำความผิดจะได้รับการพิจารณาลงโทษตามลักษณะและความร้ายแรงของความผิด  ตามควรแก่กรณีเป็นรายๆ ไป ทั้งนี้ โทษดังกล่าวเป็นโทษที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการทำงาน ดังนี้

  • ตักเตือนด้วยวาจา
  • ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร
  • พักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง
  • ให้ออก ปลดออก ไล่ออก