เหล็กข้ออ้อยชนิดเกลียว
มิลล์คอน ผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นข้ออ้อยชนิดเกลียว ภายใต้ชื่อ “ONE BAR” ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดของเหล็กเส้นข้ออ้อยที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้สามารถต่อเหล็กได้ตลอดทั้งเส้น ซึ่งจะสร้างความแข็งแรงให้แก่จุดเชื่อมต่อของเหล็กเส้น และยังจะช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนในการก่อสร้างได้อีกด้วย
One Bar เป็นเหล็กเส้นมาตรฐาน มอก.24 เกรด SD40, SD50 ที่สามารถใช้ในงานก่อสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กทั่วไป ได้มีการพัฒนารูปร่างโดยบั้งข้ออ้อยให้มีลักษณะเป็นเกลียวและสามารถใส่ Coupler หมุนผ่านได้ตลอดทั้งเส้น
เพื่อแก้ปัญหาการต่อเหล็กแบบทาบ จึงมีผู้คิดวิธีต่อเหล็กโดยใช้ Coupler ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ
- การนำเหล็กเส้นไปทำเกลียวที่ Work Shop ของผู้รับจ้างทำเกลียว แต่จะมีข้อเสียคือ
- ลูกค้าไม่สามารถเห็นเหล็กที่ตนเองสั่งซื้อ และไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพและจำนวนได้
- เพิ่มค่าใช้จ่ายในการขนส่ง (Double Handing)
- มีค่าใช้จ่ายในการต๊าปเกลียวแฝงอยู่กับค่า Coupler
- เหล็กเส้นที่ไม่กลมพอจะได้เกลียวที่ไม่เต็มฟอร์ม มีผลให้ความแข็งแรงของจุดต่อลดลง
- เกิดเศษเหล็กจากการดายเกลียว
- การปะปนของเหล็กหลายโครงการ ทำให้ลูกค้าอาจจะไม่ได้รับเหล็กของตัวเอง
- ในกรณีมีการแก้ไขแบบก่อสร้างและมีการเปลี่ยนแปลงความยาวเหล็ก ต้องรอทำเกลียวจึงจะทำต่อได้

2. การที่บริษัททำเกลียวเข้ามาดำเนินการให้ที่ไซต์งาน
วิธีนี้สามารถลดการขนส่งซ้ำซ้อนลงได้ (Double Handing) แต่ต้องอาศัยเครนในการก่อสร้าง ช่วยในการยกและขนย้ายเหล็กในการทำเกลียว ถ้าหากเหล็กมีรูปร่างไม่กลมจะส่งผลในเรื่องความแข็งแรงของเกลียว อีกทั้งยังจะมีค่าดายเกลียวและเกิดเศษเหล็กจากการดายเกลียว นอกจากนั้นยังจะเกิดปัญหาเรื่องการควบคุมคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนของระบบ ISO 9001

แนวความคิดของ MILL
จากหลักการและเหตุผลดังกล่าว MILL จึงต้องการพัฒนาการต่อเหล็กโดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาการรีดเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้างมาตรฐาน มอก.24 เกรด SD40, SD50 โดยบั้งเป็นเกลียวตลอดทั้งเส้น เพื่อให้สามารถต่อเหล็กได้ทุกจุดโดยที่ไม่ต้องนำเหล็กไปทำเกลียวที่อื่น ซึ่งจะช่วยให้การต่อเหล็กสามารถทำได้สะดวกและรวดเร็ว ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย รวมถึงพื้นที่ในการทำงาน เป็นการพัฒนาเพื่อก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในตัวผลิตภัณฑ์อันจะเป็นประโยชน์ในการลดต้นทุนของลูกค้าโดยตรง